หลายคนอาจรู้สึกกังวลเมื่อรถยนต์คู่ใจเริ่มมีรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นเพราะเจ้ารอยเหล่านี้ก็คือ "รอยขนแมว" ศัตรูตัวร้ายที่ทำให้รถไม่ได้เงางามดั่งใจ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุการที่รถเป็นรอยขนแมวแบบเข้าใจง่าย พร้อมเผยวิธีแก้ไขแบบ Step-by-Step ที่คุณลงมือทำเองได้ที่บ้าน และที่สำคัญ เรายังมีเคล็ดลับป้องกันไม่ให้เกิดรอยขนแมวซ้ำ เพื่อให้รถคันโปรดของคุณกลับมาเงางามราวกับวันแรกที่ขับออกจากโชว์รูม
รอยขนแมวคืออะไร ?
รอยขนแมว คือ รอยขีดข่วนขนาดเล็กและตื้นบนพื้นผิวสีรถยนต์ ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการเช็ดรถหรือล้างรถด้วยผ้าไม่สะอาด ฟองน้ำที่มีเศษฝุ่น หรือวัสดุที่มีความแข็งกว่าผิวสีรถ รอยเหล่านี้มีลักษณะบาง ๆ คล้ายกับรอยเล็บแมว จึงเรียกกันว่า "รอยขนแมว"
รอยขนแมวมักสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อแสงตกกระทบบริเวณพื้นผิวรถ โดยเฉพาะรถสีดำที่โดนแสงแดดหรือแสงไฟในห้องหรืออาคารจอดรถ ทำให้ผิวรถดูหมอง ไม่เงางามเหมือนเดิม หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลหรือซ่อมแซม รอยเหล่านี้อาจสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ชั้นเคลือบใสของสีรถบางลง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสีรถซีดจาง สีลอก หรือผิวสีเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
สาเหตุของรอยขนแมว
รอยขนแมวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุที่เราอาจไม่ทันระวัง เช่น
1. ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกบนตัวรถ
เมื่อมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะอยู่บนพื้นผิวรถ แล้วมีการเช็ดถูโดยไม่ล้างออกก่อน ฝุ่นเหล่านี้จะทำหน้าที่เหมือนกระดาษทรายขนาดเล็ก ๆ ขูดผิวสีรถจนเกิดรอยขีดข่วน
2. การใช้แปรงปัดรถหรือไม้ขนไก่
แม้จะดูสะดวก แต่แปรงปัดรถหรือไม้ขนไก่ไม่สามารถเก็บฝุ่นได้หมด และเมื่อปัดผ่านผิวรถ ฝุ่นละอองที่ติดอยู่กับขนแปรงจะเสียดสีเข้ากับสีรถจนเกิดรอยขนแมวได้
3. การล้างรถด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง
การใช้ฟองน้ำหรือผ้าล้างรถที่หยาบ แข็ง หรือผ่านการใช้งานมานาน อาจมีเศษฝุ่น ทราย หรือสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เมื่อใช้ล้างรถจึงกลายเป็นการขูดผิวรถโดยไม่รู้ตัว
4. การใช้ผ้าเช็ดรถที่ไม่เหมาะสม
ผ้าที่มีพื้นผิวหยาบ ผ้าเก่าที่แข็งกระด้าง หรือมีรอยตะเข็บ รวมถึงผ้าที่มีป้ายแข็ง ๆ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนสีรถขณะเช็ดได้
5. การจอดรถในที่ไม่ปลอดภัย
หากจอดรถใกล้ต้นไม้ กิ่งไม้ หรือวัตถุที่มีคม อาจเกิดการเสียดสีเมื่อมีลมหรือการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนผิวรถได้
6. สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นหรือเศษวัสดุลอยในอากาศ
ในบางพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ เช่น ใกล้ไซต์ก่อสร้าง ถนนลูกรัง หรือพื้นที่ลมแรงที่พาเศษวัสดุมากระแทกผิวรถ ก็สามารถทำให้เกิดรอยขนแมวได้เช่นกัน
วิธีแก้ไขและลบรอยขนแมวแบบ Step-by-Step
รอยขนแมวที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย หากปล่อยไว้อาจทำให้รถดูหมองและลดความเงางามของสีรถได้ ดังนั้น การขัดลบรอยขนแมวอย่างถูกวิธี จะช่วยให้รถกลับมาดูใหม่เหมือนเดิมได้อีกครั้ง มาดูขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้านกัน
1. ประเมินความเสียหาย
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบรอยขีดข่วนว่าเป็นรอยตื้น (ขีดเฉพาะชั้นเคลือบใส) หรือรอยลึก (ถึงชั้นสีรถ) ถ้ารอยขนแมวเกิดเพียงบนผิวเงา สามารถลบออกได้ง่าย ถ้าเป็นรอยลึกที่เห็นสีรองพื้น อาจต้องใช้วิธีซ่อมสีหรือพ่นสีใหม่
2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
อุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่
- น้ำยาขัดลบรอยขนแมว (Scratch Remover หรือ Rubbing Compound)
- ผ้าไมโครไฟเบอร์นุ่ม ๆ 2-3 ผืน
- ฟองน้ำขัดสี หรือเครื่องขัด (ถ้ามี)
- น้ำสะอาด
- น้ำยาเคลือบสีรถ (Wax หรือ Sealant)
3. ล้างรถให้สะอาด
ก่อนลงมือขัดรอย ควรล้างรถให้สะอาด เพื่อขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดรอยเพิ่มเติมระหว่างการขัด และเช็ดรถให้แห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณที่มีรอยขีดข่วน
4. ลงน้ำยาขัดลบรอยขนแมว
- บีบน้ำยาขัดลงบนฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เล็กน้อย
- ขัดวนเป็นวงกลมบริเวณที่มีรอย โดยออกแรงพอประมาณ
- ขัดจนรอยดูจางลงหรือหายไป
- ควรทำทีละจุดเพื่อความละเอียด
- หากใช้เครื่องขัด ให้เลือกความเร็วต่ำ และอย่าออกแรงมากจนเกินไป
5. เช็ดทำความสะอาด
ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สะอาด เช็ดคราบน้ำยาที่หลงเหลือออกให้หมด พร้อมตรวจสอบรอยอีกครั้งว่าหายดีหรือยัง หากยังมีรอยอยู่ สามารถขัดซ้ำได้อีกครั้ง
6. เคลือบสีรถเพื่อปกป้องพื้นผิว
หลังจากลบรอยแล้ว ควรลงน้ำยาเคลือบสีรถ (Wax หรือ Sealant) เพื่อคืนความเงางาม และช่วยป้องกันรอยขนแมวใหม่ในอนาคต โดยทาน้ำยาเคลือบบาง ๆ ให้ทั่วบริเวณ และปล่อยทิ้งไว้ตามเวลาที่ระบุในฉลาก จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดเบา ๆ ให้ขึ้นเงา
วิธีป้องกันรอยขนแมวไม่ให้เกิดขึ้นอีก
แม้จะสามารถลบรอยขนแมวได้ แต่การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก ย่อมดีกว่า มาดูกันว่าวิธีป้องกันรอยง่าย ๆ จะมีอะไรบ้าง
1. ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดเท่านั้น
เลือกใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์คุณภาพดีสำหรับการเช็ดรถ เพราะผ้าชนิดนี้มีเส้นใยที่นุ่ม ละเอียด ไม่ทำร้ายพื้นผิวสีรถ และสามารถจับฝุ่นได้ดีโดยไม่ทิ้งรอยขีดข่วน นอกจากนี้ ควรแยกผ้าสำหรับเช็ดตัวรถ สำหรับเช็ดล้อ และห้องเครื่องด้วย เพื่อลดความเสี่ยงที่เศษสิ่งสกปรกจะปะปนกัน
2. ใช้ผ้าคลุมรถเมื่อจอดกลางแจ้งหรือในที่เสี่ยงต่อฝุ่น
การใช้ผ้าคลุมรถจะช่วยลดการสัมผัสโดยตรงกับฝุ่นละออง เศษไม้ กิ่งไม้ หรือวัตถุแข็งที่อาจมากระทบผิวรถ โดยควรเลือกผ้าคลุมรถที่นุ่มและมีคุณภาพ ไม่ควรใช้ผ้าคลุมที่แข็งหรือมีผิวหยาบ เพราะอาจทำให้เกิดรอยเมื่อเคลื่อนไหว
3. เคลือบสีรถเป็นประจำ
การเคลือบสีรถด้วยแว็กซ์หรือน้ำยาเคลือบแก้ว (Glass Coating) จะช่วยสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ ที่สามารถปกป้องผิวของรถจากรอยขีดข่วน ฝุ่นละออง และมลภาวะ โดยแนะนำให้เคลือบอย่างน้อยทุก 2-3 เดือน (สำหรับแว็กซ์) หรือปีละครั้ง (สำหรับน้ำยาเคลือบแก้ว) เพื่อให้รถดูเงางาม และทำความสะอาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากการดูแลรักษารถคันโปรดให้ไร้รอยขนแมวกวนใจแล้ว อย่าลืมดูแลความคุ้มครองให้ครบถ้วนด้วยประกันรถยนต์จาก gettgo เรามีหลากหลายความคุ้มครองให้เลือก ตั้งแต่ประกันชั้น 1 สำหรับรถใหม่ที่ต้องการความคุ้มครองครบทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 2+ ที่คุ้มครองใกล้เคียงชั้น 1 แต่ราคาเบาลง หรือประกันชั้น 3+ สำหรับสายประหยัดที่ยังต้องการความอุ่นใจในเรื่องอุบัติเหตุ
ดูแลรถให้สวยปลอดรอยขนแมวไปพร้อมกับมีความคุ้มครองที่อุ่นใจในทุกการขับขี่ เช็กราคาเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์หรือซื้อประกันรถง่าย ๆ ได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @gettgo หรือโทร. 02-111-7800
ข้อมูลอ้างอิง
- How to repair and remove scratches from your car's paintwork. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จาก https://www.racv.com.au/royalauto/transport/cars/how-to-remove-scratches-from-car.html.